หลังจากเรียนรู้เรื่องบทการเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงโดยผ่านมุมมองเรื่องต่างๆ
โดยตรงเช่นในบทที่ 1 ในเรื่องของการพิจารณาปริมาณการเคลื่อนที่อย่างเดียวเลย
พอมาบทที่ 2 ก็เริ่มมาดูที่มาของการเคลื่อนที่
รู้จักระบบแรงที่มาพิจารณาละ บทต่อเนื่องมาก็เป็นมุมมองการเคลื่อนที่ผ่าน พลังงาน
โมเมนตัม ว่ากันไป มาในบทนี้เราก็คงทราบดีว่า
ชีวิตเราคงไม่ได้เห็นการเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงใน 1 มิติ
ซ้าย ขวาอย่างเดียว แต่ก็จะเริ่มมีการเคลื่อนที่มากกว่า 1
แนวแกน เริ่มเห็นมันโค้งเป็นวงกลม หรือแม้แต่การเคลื่อนที่เป็นคาบกลับไปมา
นั่นคือเนื้อหาในส่วนบทนี้ครับ
การเคลื่อนที่โปรเจคไทล์
เป็นการเคลื่อนที่วิถีโค้ง
หากพิจารณาการเคลื่อนที่เราจะแบ่งแยกออกมาเป็น 2 แนวแกน
โดยมักจะแบ่งเป็นการเคลื่อนที่ในแนวราบ (มักแทนด้วยแกน x)
และการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง (มักแทนด้วยแกน y) สามารถดูบทสรุปจากคลิปข้างล่างนี้ได้เลยครับ
อย่างที่กล่าวในข้างต้น
รูปแบบอย่างง่ายที่สุดก็จะมีแบ่งเป็นในแนวราบและในแนวดิ่ง
ซึ่งจะดูง่ายๆอย่างที่ผมกล่าวในคลิปว่าในแนวราบให้มองเหมือนมันเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงที่มีความเร็วคงที่
มีสมการเดียวพื้นฐาน ส่วนในแนวดิ่งหมือนวัตถุที่ตกตามเสรี
เมื่อเอาสององค์ประกอบมาดูเคลื่อนที่พร้อมกันมันก็คือโปรเจคไทล์อย่างง่าย นั่นเอง
ซึ่งจุดเชื่อมของปริมาณในสองแนวแกนนั้นคือเวลา นั่นเอง
แต่มันก็มีรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้นอยู่เหมือนกันคือ
โปรเจคไทล์บนพื้นเอียง ซึ่งในปัจจุบันเหมือนข้อสอบจะไม่ค่อยพูดถึงแล้ว
และโปรเจคไทล์ที่มีแรงต้านแต่ก็ให้ง่ายมันก็เป็นแรงต้านคงที่ เพราะหากแรงไม่คงที่
ความเร่งที่เกิดจะไม่คงที่ มันก็จะไปเข้าข่ายการเคลื่อนที่ที่ความเร่งไม่คงที่
ซึ่งอย่างที่เล่าไปแล้วในบทก่อนหน้าเลยว่า
ขอบเขตของฟิสิกส์ในระดับมัธยมปลายนั้นจะมีอยู่เพียงเท่านี้ครับ
บทสรุปแนวแบบพิเศษก็ดูได้จากคลิปข้างล่างนี้เลยครับ
ส่วนในสูตรพิเศษ สูตรลัด
เกี่ยวกับโปรเจคไทล์ใดๆนั้น
ในส่วนตัวสูตรทั้งหมดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจำเป็นสาระสำคัญขนาดนั้น
และหากอยากจะพิสูตรขึ้นมาก็ทำได้โดยง่าย และไม่ซับซ้อน
หากอยากทบทวนก็ดูที่คลิปข้างล่างนี้ได้เลยครับ
การเคลื่อนที่แบบวงกลม
การเคลื่อนที่แบบวงกลมจะเริ่มแนะนำปริมาณการเคลื่อนที่เพิ่มเติมที่ต้องมองในลักษณะเชิงมุมมากขึ้น
เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณา ดังนั้นอาจจะมีข้อตกลงอะไรต่างๆที่เพิ่มขึ้น
แต่ไม่วุ่นวายแน่นอนครับ ลองดูคลิปข้างล่างนี้ก่อนนะครับ
ปริมาณเชิงมุมทั้งหลาย ถ้าจะว่าให้ง่าย
ก็เหมือนเอาเชิงเส้นมาหารระยะจากวัตถุถึงจุดศูนย์กลางการหมุนหรือที่เรียกว่ารัศมี
ก็แค่นั้นเอง แต่หากเราจะหาทิศทางของปริมาณเชิงมุมเหล่านี้ก็ทำได้ไม่ยาก
โดยการใช้กฎมือขวานั่นเอง นิ้วทั้งสี่ของกำรอบตามทิศทางของปริมาณนั้น
ก็จะได้ทิศของนิ้วโป้ง (ซึ่งจะตั้งฉากกับระนาบการเคลื่อนที่นั้น)
เป็นทิศของปริมาณนั้นนั่นเอง
เมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับปริมาณเชิงมุม
เปลี่ยนตัวแปรไปมากับปริมาณเชิงเส้นได้คล่องมือ
ก็จะเริ่มเข้าสู่หลักการของการเคลื่อนที่วงกลมกัน
บทสรุปดูจากคลิปด้านล่างได้เลยครับ
หลักการโดยสรุปคือ การเคลื่อนที่วงกลม
วัตถุจะมีแรงเข้าสู่ศูนย์กลาง
การมีแรงเข้าสู่ศูนย์กลางมันก็จะมีความเร่งเข้าสู่ศูนย์กลาง ดังนั้นเมมื่อประกบกับกฎการเคลื่อนที่นิวตันข้อที่
2 เราก็จะได้สมการการเคลื่อนที่ของวงกลมขึ้นมา
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ที่พูดถึงรถเลี้ยวโค้ง มอเตอร์ไซค์เข้าโค้ง
การแกว่งเป็นกรวย แกว่งในระนาบหรือแม้แต่แกว่งวัตถุในแนวดิ่ง
ส่วนสำคัญที่จะพิจารณานี้คือมันจะมีหาแรงเข้าสู่ศูนย์กลางเสมอ ซึ่งในบทประยุกต์ทั้งหลายก็สามารถดูได้ใน
Playlist ของ Youtube channel Physicfree4th ได้เลยครับเพราะได้ทำคลิปสรุปในรูปแบบที่อาจจะเจอและข้อสังเกต
ประเด็นต่อยอดของแต่ละรูปแบบต่อไปได้เลยครับ
น้องๆอาจจะมีคำถามบางๆตรงนี้ว่า
อ้าวแล้วแบบนี้เราจะแยกการเคลื่อนที่โปรเจคไทล์กับการเคลื่อนที่แบบวงกลมออกจากกันได้อย่างไร
มันก็โค้งๆเหมือนกัน
คำตอบคือ หากพิจารณาการเคลื่อนที่โปรเจคไทล์
แรงที่มากระทำให้เกิดการโค้งนั้นมันจะมีทิศทางที่คงที่คงตัว
เช่นว่าแบบอย่างง่ายก็จะมีแรงโน้มถ่วง ที่มีความเร่งโน้มถ่วง ชี้ลงกระทำกับวัตถุเสมอตลอดการเคลื่อนที่ไม่ว่าในแนวราบจะความเร็วคงที่หรือไม่คงที่ก็ตาม
แต่วงกลมนั้น มันเหมือนจะมีจุดศูนย์กลางของความโค้งอยู่
และวัตถุนั้นจะเคลื่อนที่เข้าโค้งโดยมีระยะจากวัตถุกับจุดศูนย์กลางที่คงที่ที่เรียกว่ารัศมี
และทิศทางของแรงและความเร่งที่จะเปลี่ยนไปตลอดเวลา
เพื่อให้ยังชี้มาทิศทางว่าเข้าสู่ศูนย์กลางเสมอนั่นเอง
ดังนั้นดูผิวเผินมันจะโค้งๆเหมือนกัน แต่มาชำแหละเรื่องแรงแล้ว
คนละเรื่องกันเลยครับ
การเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
มันเป็นเคลื่อนที่กลับไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
รายละเอียดบทนี้ถ้าเอาให้ลึกจริงๆ ถือว่าค่อนข้างมีความซับซ้อนมาก
เนื่องจากมันจะต้องใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วยพอสมควร
แต่หากค่อยๆประกอบความเข้าใจเข้าไป ค่อยๆสังเกต Physicfree4TH ได้สรุปเรื่องราวลงในคลิปนี้แล้วครับ
กลับมาที่ส่วนของเนื้อหา
เราจะพบว่าจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้ไปแตะไอตัวสมการการเคลื่อนที่มากนักหรอกครับ
แต่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ที่มาว่าปริมาณการกระจัด ความเร็ว ความเร่ง
จากที่เคยเรื่องในบทก่อนๆมา จะมาเป็นตัวเลข จะวัดระยะ อะไรได้เลย
น้องอาจจะไม่ชินที่มันมาเป็นในรูปแบบของฟังก์ชัน
ซึ่งเมื่อมันเป็นรูปแบบของฟังก์ชันตรีโกณแล้วนั้นมันจะช่วยเราอธิบายเรื่องอื่นๆได้
เช่นเรื่องของเฟส มุม หรือปริมาณการเคลื่อนที่ที่สัมพันธ์กัน
อย่างเช่นว่าหากเรารู้สมการของปริมาณการเคลื่อนที่แต่ละตัวแล้วนั้น
เราจะเคลียร์มากๆเช่นว่า เมื่อวัตถุเคลื่อนที่กลับมาอยู่ที่ระยะการกระจัดเป็น 0
คือจังหวะไม่ยืดไม่หดนั้น ความเร็วจะมีค่าสูงสุดเลย
เป็นเหตุให้วัตถุก็จะยังเคลื่อนที่ไปต่อ จนกระทั่งความเร็วเป็น 0 การกระจัดจะเคลื่อนที่ไปได้ระยะมากที่สุดที่เรียกว่า แอมพลิจูด
และขณะนั้นเอง แรงที่กระทำกับวัตถุก็จะถึงจุดศูนย์สุดด้วย แต่ทิศตรงกันข้ามเป็นต้น
ดังนั้นถ้ามองให้เป็นธรรมชาติมันก็เข้าใจได้ พอเอาคณิตศาสตร์ไปประกบ
ก็จะสามารถอธิบายได้ดียิ่งขึ้นไป
ดังนั้นหากน้องรู้สึกไม่มั่นใจ
ไม่เป็นไรเลยครับ น้องยังไม่ชินแค่นั้นเองครับ ในชีทของ Physicfree4TH ก็มีแนวโจทย์ที่หลากหลายและน้องก็น่าจะเห็นแล้วครับว่า
ที่ไปแตะเรื่องพวกสมการการเคลื่อนที่นั้นมีไม่มากหรอกครับ
มันไปออกเรื่องอื่นมากกว่าเช่นความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องคาบ หรือความสัมพันธ์ของตัวแปรในกรณีศึกษาของมวลติดสปริงและแกว่งลูกตุ้มนาฬิกา
ก็แค่นั้นเองครับ
ลองไปดูคลิปข้างล่างกันต่อได้เลยครับเป็นการเอาความรู้ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ไปผูกกับกรณีศึกษาที่ใช้พิจารณาการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิกก็คือ
มวลติดสปริงและการแกว่งลูกตุ้มนาฬิกาครับ
ความเห็นส่วนตัวของผมเกี่ยวกับการศึกษาในบทนี้
น้องๆอาจจะต้องมีพื้นฐานคณิตศาสตร์ในเรื่องฟังก์ชั่น ตรีโกณ และแคลคูลัส
อย่างละนิดละหน่อยมาผสมกัน ถ้าน้องต้องเรียนเรื่องซิมเปิลฮาร์โมนิกก่อนที่จะเรียนคณิตฯเรื่องฟังก์ชันตรีโกณ
ซึ่งมักจะสอนม.5 เทอม 1 หรือ 2 แล้วแต่โรงเรียนและเรื่องแคลคูลัส
ซึ่งสอนในม.6 เทอม 1
ถึงเวลานั้นน้องค่อยกลับมาศึกษาเรื่องนี้ก็จะพอเข้าใจมากยิ่งขึ้นครับ
หากไล่เนื้อหาไปตามหลักสูตร บางโรงเรียนจะสอนตามหัวข้อฟิสิกส์พื้นฐานซึ่งเป็นเนื้อหาตัวเดียวกันกับที่สายศิลป์เรียน
(ส่วนที่จะไปใช้สอบ ONET) ซึ่งอาจจะเป็นว่าเรืยนเรื่องการเคลื่อนที่เสร็จปุ๊ป
ก็แวะไปเรียนกฎการเคลื่อนที่นิวตัน และมาเรียนโปรเจคไทล์และวงกลมเลย
ซึ่งบางโรงเรียนก็แถมซิมเปิลฮาร์โมนิกไปด้วยเลย เพราะฟิสิกส์พื้นฐานที่สอบ ONET
กีมีเรื่องนี้ด้วย แต่สายศิลป์จะเรียนแบบบางมากกกกกก บางจนเอ๊ะ
เรียนด้วยหรอ แต่สายวิทย์เราอาจจะแบบเรียนไปเลย ซึ่ง ณ เวลานั้นบอกได้เลยว่าเละ
เพราะน้องจะยังไม่ได้เรียนเรื่องฟังก์ชั่นเลยด้วยซ้ำ การอธิบายใดๆก็จะเป็นอีกมุมหนึ่ง
แต่บางโรงเรียนอาจจะเก็บการเคลื่อนที่แบบต่างๆนี้ไว้ และเอาไปถมหลังโมเมนตัม
ซึ่งก็เป็นม.4 เทอม 2 ก็อาจจะยังไม่ช็อคมาก
เพราะเริ่มชินกับการเป็นฟังก์ชันแล้ว แต่ก็อาจจะช็อคอยู่ดีที่เอะ ทำไมมีกราฟรูป sin
cos มาร่วมพิจารณาด้วย
การเคลื่อนที่แบบหมุน
สืบเนื่องจากบทนี้ได้ถูกนำออกจากหลักสูตรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่บางครั้งก็ยังมีข้อสอบออกมาอยู่เรื่อยๆเช่นกัน ในภาพใหญ่ของบทนี้
จริงๆเหมือนเปลี่ยนมุมมองของโลกที่มีต่อการเคลื่อนที่จากเส้นตรงเป็นการหมุนไปซะหมด
ดังนั้นทุกปริมาณการเคลื่อนที่ในเส้นตรงก็จะเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นในเชิงมุมทั้งหมดเลย
ก็สามารถดูสรุปได้จากคลิปข้างล่างนี้เลยครับ
บทวิเคราะห์ข้อสอบในบทนี้
ในส่วนของโปรเจคไทล์ ถ้าได้ทำโจทย์เก่าๆหรือข้อสอบเก่าๆมากๆจะพบว่ามันมักจะถูกเอาไปขนาบกับเนื้อหาในบทอื่นๆ
เพราะคำนวณในตัวบทมันเองมันไม่ได้ซับซ้อน ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสนุกหรือฝึกให้เราใช้การประยุกต์การเคลื่อนที่
จึงพบเห็นเรื่องโปรเจคไทล์มักไปผสมกับเรื่องอื่นอยู่บ่อยๆครับ
การเคลื่อนที่แบบวงกลมคล้ายๆกับในส่วนของโปรเจคไทล์ที่มักจะไปผสมกับเรื่องอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอยากให้มันส์มากๆ
คือเรื่องแกว่งวงกลมในแนวดิ่งเพราะมันีลักษณะพิเศษที่แรงเข้าสู่ศูนย์กลางมันจะไม่เหมือนกันเลยในแต่ละตำแหน่ง
ดังนั้นมันจะลูกเล่นไปออกข้อสอบหรืออะไรได้มากกว่า
ในส่วนตัวอยากให้ระวังเรื่องนี้ให้ดี
เพราะมันเอาไปต่อยอดอะไรหรือเล่นคำได้หลากหลายดีครับ แต่ยังไงก็มีออกแน่นอนในทุกปี
หนีไม่พ้นครับ
อย่างที่ได้เล่าไปว่าการเคลื่อนที่ซิมเปิลฮาร์โมนิกค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
การออกข้อสอบทำได้ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นก็อาจจะไม่ได้ถูกเลือกมาออกข้อสอบเท่าไหร่
หรือหากจะเอามาออกก็จะเป็นในส่วนท้ายๆที่พิจารณาเรื่องของคาบการเคลื่อนที่หรือความสัมพันธ์ของตัวแปรในการเคลื่อนที่ของซิมเปิลฮาร์โมนิกเท่านั้นเองครับ
จะทิ้งไปเลยก็เสียดาย แต่จะรู้ลึกมากไปก็อาจจะไม่ออกขนาดนั้น
ดังนั้นก็ลองพยายามหาแนวโจทย์ทำมากๆ เน้นเป็นกลุ่มข้อสอบเก่า
น้องๆก็พอจะเห็นภาพแล้วครับว่ามันจะออกได้แค่ไหน
อย่างที่กล่าวไปว่าบทของการเคลื่อนที่แบบหมุนถูกนำออกจากหลักสูตรไปแล้ว
แต่ก็ยังมีพบเห็นในข้อสอบได้บ้าง
ซึ่งผมคิดว่าหากจะยังเหลือหัวข้อไว้ศึกษากันเผื่อไว้ว่าจะออกอีก ก็แนะนำแค่เพียง
สองหัวข้อ ตามคลิปข้างล่างนี้เลยครับ คือเรื่องของการกลิ้งกับกฎอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุม
ซึ่งสองเรื่องนี้ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก
อ่านโจทย์แล้วจะทราบเลยว่าเป็นเรื่องนี้
เพราะการกลิ้งก็จะบอกว่าวัตถุเคลื่อนที่แบบกลิ้งแต่ไม่ไถล
ซึ่งหลักการมันก็คือวัตถุจะต้องพิจารณาทั้งในส่วนของการเลื่อนที่และการหมุนไปพร้อมกัน
พจน์ของพลังงานจึงต้องมี 2 องค์ประกอบนี้
ส่วนอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุมก็ลองศึกษาจากโจทย์ดูเลยก็พอจะเห็นได้ว่า
แนวโจทย์มันดูมีความจำกัดมากๆในการทำ คือถือดัมเบลแล้วยืนบนแป้นหมุน
หรือจะให้มันส์กว่านั้นก็เคยมีแนวโจทย์ประมาณว่าถือล้อที่หมุนรอบแกนไม่มีความฝืดยืนอยู่บนแป้นหมุนเหมือนกัน
อันนี้ก็เข้าข่ายเรื่องกฎอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุมเช่นกัน
มีคำถามหรือข้อเสนอแนะใดๆ ติดต่อได้ที่ Physicfree4TH@gmail.com ครับ
ดาวน์โหลดเอกสารการเรียนได้ ที่นี่
เยี่ยมชม Channel youtube: Physicfree4TH